กังไสสยาม ตอน 11 : เดินทาง เรียนรู้ ริเริ่ม (3)
- Keeratikhun Chuenchomrat
- Jun 12, 2024
- 1 min read

“อั๊วซัดกับลูกน้องมัน อาเหลียงมันพยายามจะยิงอั๊ว แต่อั๊วหลบ ผลักลูกน้องมันออกไป พอดีกับที่มันยิง ทะลุเข้ากลางอกพอดี” อาฮงเล่า
“ลื้อ 2 คนพักกับอาเบ๋งที่นี่ก่อน เดี๋ยวค่อยดูว่าจะทำอย่างไร”
“เราเก็บเอาของที่จำเป็นมาหมด เงิน หนังสือต่างด้าว” อาฮงบอก
“โชคดีมีเรือออกมาสิงคโปร์คืนนั้นพอดี คนเรือเข้าใจว่าพวกเราเป็นแรงงานที่จะไปกับเรือ เรือกำลังจะออก เราเลยกระโดขึ้นทันที ดีที่เก็บจดหมายอาเบ๋งมาหมด เลยมีที่อยู่ ถึงที่นี่ ก็เดินถามมาเรื่อย” อาหลงเล่าต่อ
ผ่านมาเกือบ 2 ปี เป็นครั้งแรกที่ 3 หนุ่มได้พบกัน แม้เหตุเริ่มจะไม่น่ายินดีเท่าไรนัก แต่ก็ทั้ง 3 คนก็ดีใจที่ได้เจอกัน
“โห อาเบ๋งห้องลื้อใหญ่กว้างขวางขนาดนี้เลยเหรอ” อาหลงตื่นเต้น ที่ได้เห็นความเป็นอยู่ของอาเบ๋ง
“คืนนี้ และคงอีกหลายคืน ลื้อก็ต้องนอนที่นี่” อาเบ๋งตอบ
“แต่ตอนนี้อั๊วหิวมาก อาฮงก็หิว มีอะไรให้กินไหม อาเบ๋ง”
ขาดคำ ชั่วอึดใจ ทั้ง 3 คนก็ลงมาที่ห้องครัว “ดึกแล้ว ข้างนอกไม่มีอะไรขาย อั๊วทำต้มฉับฉ่ายไว้ มากินกัน”
อาฮงได้กินซิอิ๊วคุ้นจมูก “อาเบ๋ง ลื้อเอาซิอิ๊วพวกนี้มาจากไหน”
“อั๊วหมักเอง ตามอย่างที่อาม๊าเคยทำไง จำได้ไหม โกฮงมาดูนี่” อาเบ๋งเดินนำไปหลังบ้าน ลานโล่งๆ อาเบ๋งขอชาวบ้านวางโอ่งหมักซิอิ๊ว
“เกลือที่นี่ ไม่เค็มมาก มาจากเมืองตานี อั๊วขอซื้อจากท่าเรือ เวลาหมัก จะได้ความหอม อั๊วว่าหอมกว่าที่อาม๊าทำเสียอีก”
“ขออั๊วชิมหน่อย เรื่องซิอิ๊ว ต้องลิ้นอั๊ว” อาหลงว่า
“จริงๆ ด้วย หอม ไม่เค็มมาก อั๊วว่าต้มฉับฉ่ายอร่อยนะ”
“มา ข้าวร้อนแล้ว กินข้าวกันก่อน”
กับข้าวค่ำวันนี้ เป็นมื้อแสนวิเศษที่ 3 หนุ่มพี่น้องกินด้วยกัน อาหลงติดใจหมูเค็มแห้ง จับฉ่าย อาฮงดูโล่งใจ เมื่อเห็นน้องชายมีอนาคตที่ดี
“หนังสือเรียนพวกนี้ ทางโรงเรียนได้มาจากไหน” คณะนายตำรวจเข้าตรวจสอบโรงเรียนจีนตามที่เคยแจ้งไว้ แต่ไม่บอกวัน โชคดีที่ครูใหญ่เตรียมพร้อมไว้เสมอ
“เป็นหนังสือที่สมาคมการค้าสยาม-จีนส่งมา ตามที่เราขอไป ส่วนใหญ่จะมาจากทางรัฐบาลจีนคณะชาติจัดการซึ่งร่วมมือกับสมาคมการค้าสยาม-จีนมาหลายปีแล้ว” ครูใหญ่ตอบ
“ครูจีนส่วนใหญ่ พูด อ่าน เขียน ภาษาสยามได้หรือไม่”
“ส่วนใหญ่พูดได้ แต่อ่านเขียนอาจจะยังไม่คล่อง ต้องขอเวลาสักหน่อย เพราะครูไทยทางเมืองตรังก็มีน้อย แต่ได้แจ้งไปที่ศึกษาธิการจังหวัดแล้ว”
“ท่านสารวัตรสบายใจได้ โรงเรียนจีนและสมาคมของเราไม่มีอะไรปิดบังท่านแน่นอน” เจ้าสัวเบ๋งเอ่ย
“ขอบคุณคุณพระมากขอรับ ที่ให้ความร่วมมือกับทางการเป็นอย่างดี อีกข้อหนึ่งครับ ตอนนี้ โรคตาแดงระบาดมาก อยากให้โรงงานซิอิ๊ว พริกไท ของคุณพระ เข้มงวดเรื่องความสอาดของคนงานด้วย”
เกียนเบ๋งรับคำ
เมื่อนายตำรวจกลับไป พระหรติโภคกิจพิพัฒน ย้ำ
“อั๊วเข้าใจ ทุกคนมีความรักชาติ รักบ้านเมือง มีความคิดเป็นของตัวเอง แต่อั๊วไม่อยากให้เอาความคิดการเมืองเข้ามาปนกับโรงเรียน นอกห้องเรียนจะคุยอะไรกับใคร เรื่องอะไร ก็ย่อมได้ แต่ในการเรียนอย่าเอาเข้ามา เพราะวันหนึ่งทางสันติบาลก็จะรู้ เรื่องแบบนี้ แอบซ่อนกันไม่ได้ อั๊วไม่สนใจว่าใครอยู่ฝ่ายไหน แต่ทุกคนคือ จีน และเป็นจีนที่อยู่ในสยาม”
บรรดาครูภาษาจีนรับปากว่าจะระวังตัวและทำตามที่อาเบ๋งขอ



Comments